“โรคต้อหิน” ไม่ได้มีก้อนหินอยู่ในตา สาเหตุและการรักษา
อัพเดทล่าสุด: 12 มี.ค. 2025
2 ผู้เข้าชม
บทนำ
เมื่อได้ยินคำว่า "ต้อหิน" หลายคนมักจะมีความเข้าใจผิดว่าตนเองมีหินอยู่ในตา ซึ่งจริง ๆ แล้วโรคต้อหินไม่ได้มีก้อนหินอยู่ในตาแต่อย่างใด ต้อหินเป็นโรคที่พบได้บ่อย และหลายคนไม่ทราบว่าตัวเองเป็นจนกระทั่งโรคได้มีความรุนแรงไปมากแล้ว วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้กันครับ
ต้อหินคืออะไร?
คำว่า "ต้อหิน" มีต้นตอมาจากลักษณะของโรคที่ดวงตามีความดันภายในลูกตาสูง ลูกตาที่มีความดันภายในสูงเปรียบเสมือนลูกบอลที่สูบลมเข้าไปเยอะๆ จนมันมีลักษณะแข็งตึงเหมือนกับก้อนหิน เมื่อเราใช้นิ้วคลำดูบริเวณเปลือกตาก็จะสัมผัสได้ถึงความแข็งของลูกตา
ความดันภายในสูงตาที่สูงเกินไปนี้ จะไปทำลายเส้นประสาทตา ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างลูกตากับสมอง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณประสาทจากลูกตาไปยังสมองเพื่อแปลผลเป็นภาพ เมื่อเส้นประสาทตาถูกทำลาย การมองเห็นก็จะลดลง และในบางกรณีอาจทำให้เกิดตาบอดได้ในที่สุด
ความดันภายในสูงตาที่สูงเกินไปนี้ จะไปทำลายเส้นประสาทตา ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างลูกตากับสมอง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณประสาทจากลูกตาไปยังสมองเพื่อแปลผลเป็นภาพ เมื่อเส้นประสาทตาถูกทำลาย การมองเห็นก็จะลดลง และในบางกรณีอาจทำให้เกิดตาบอดได้ในที่สุด
ความน่ากลัวของโรคต้อหิน
ความน่ากลัวของต้อหินคือเส้นประสาทตาที่ถูกทำลายไปแล้วจะไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีก ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยต้อหินมาพบแพทย์ในช่วงที่อาการรุนแรงหรือเส้นประสาทตาถูกทำลายไปมากแล้ว การรักษาในปัจจุบันจะไม่สามารถทำให้การมองเห็นที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การตรวจพบและรักษาต้อหินในระยะเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญมาก
ชนิดของโรคต้อหิน
โรคต้อหินมีหลายชนิด มีทั้งต้อหินแบบเฉียบพลัน ที่ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาขึ้นมาทันที หรือโรคต้อหินแบบเรื้อรัง ที่ตัวโรคจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอาการปวด ผู้ป่วยค่อยๆมองเห็นแคบลงโดยที่ไม่รู้ตัว การที่ผู้ป่วยต้อหินสามารถสูญเสียลานสายตาลงเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวนี่เอง ที่ทำให้ทุกคนควรได้รับการตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เมื่ออายุ 40 ปี เพื่อตรวจคัดกรองต้อหิน โดยเฉพาะในคนที่มีญาติหรือคนในครอบครัวเป็นต้อหินจะมีโอกาสเป็นต้อหินมากกว่าคนทั่วไปครับ การตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรจากโรคนี้ครับ
ต้อหินยังสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตามหลังการอักเสบภานยในลูกตา ภายหลังอุบัติเหตุต่อดวงตา หรือพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานขึ้นตา แต่ต้อหินที่พบกันมากนั้นไม่มีสาเหตุชัดเจน (primary glaucoma) หรือพูดง่ายๆ คืออยู่ดีๆ ก็เป็นขึ้นมาเอง โดยพันธุกรรมอาจมีส่วนเกี่ยวข้องครับ
การรักษาต้อหิน
การรักษาต้อหินมุ่งเน้นไปที่การควบคุมความดันตาภายในตาให้อยู่ในระดับปกติ การรักษาหลักๆ ของโรคต้อหินมีดังนี้
1. การใช้ยาหยอดลดความดันตา โดยยาหยอดตาจะช่วยลดความดันในตา และช่วยป้องกันการทำลายเส้นประสาทตาเพิ่มเติม
2. การผ่าตัด ในบางกรณีที่การใช้ยาหยอดตาไม่ได้ผล หรือความดันตายังคงสูงแม้ว่าจะใช้ยาหยอดแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อสร้างทางระบายน้ำในตา เพื่อช่วยลดความดันในตาได้
1. การใช้ยาหยอดลดความดันตา โดยยาหยอดตาจะช่วยลดความดันในตา และช่วยป้องกันการทำลายเส้นประสาทตาเพิ่มเติม
2. การผ่าตัด ในบางกรณีที่การใช้ยาหยอดตาไม่ได้ผล หรือความดันตายังคงสูงแม้ว่าจะใช้ยาหยอดแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อสร้างทางระบายน้ำในตา เพื่อช่วยลดความดันในตาได้
การรักษาต้อหินเป็นเรื่องที่ต้องทำร่วมกับการติดตามผลการรักษากับจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ถ้าชอบบทความ ผู้อ่านสามารถ share บทความไปยัง social media ต่างๆ ได้จากปุ่มด้านบนนะครับ