"หนังตากระตุก" สัญญาณของปัญหาสุขภาพหรือแค่ความเครียด?
อัพเดทล่าสุด: 9 มี.ค. 2025
20 ผู้เข้าชม
บทนำ
เราทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ที่หนังตากระตุกขึ้นมาเองโดยไม่รู้สาเหตุและหายไปภายในไม่กี่วินาที อาการนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่บางคนก็อาจรู้สึกกังวลว่ามันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง บทความนี้จะช่วยอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้หนังตากระตุก ข้อควรระวังที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงวิธีการดูแลรักษาอาการดังกล่าวเบื้องต้นครับ
ประเภทของหนังตากระตุก
อาการหนังตากระตุกเกิดได้จากสาเหตุหลายชนิด บางชนิดไม่มีอันตราย ในขณะที่บางชนิดเกิดจากโรคของระบบประสาท เรามาทำความรู้จักประเภทของโรคที่ทำให้เกิดอาการหนังตากระตุกกันทีละชนิดกันครับ
- หนังตากระตุกทั่วไป
หนังตากระตุกทั่วไป (eyelid myokymia) เป็นชนิดของหนังตากระตุกที่พบได้บ่อยที่สุด โดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นแค่ระยะสั้นๆ และหายไปเอง
ลักษณะอาการของหนังตากระตุกทั่วไป
- หนังตากระตุกเป็นเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที
- มักจะเกิดขึ้นทีละข้าง
- อาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งในหนึ่งวัน
หนังตากระตุกชนิดนี้สัมพันธ์กับปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น ความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การได้รับคาเฟอีน เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮฮล์ และการสูบบุหรี่
อาการของหนังตากระตุกชนิดนี้ ส่วนใหญ่อาการอาจค่อยๆ หายไปเองในเวลาไม่กี่วัน หนังตากระตุกชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายและไม่มีผลกระทบต่อการมองเห็น โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการทานยา สำหรับผู้ที่มีอาการบ่อย แนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ งดชากาแฟ หยุดสูบบุหรี่ ความถี่ของการกระตุกก็จะค่อยๆ ลดลงไปเองครับ
2. หนังตากระตุกจากปัญหาของระบบประสาท
แม้ว่าหนังตากระตุกทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย แต่บางครั้งอาการนี้อาจเกิดจากปัญหาของระบบประสาทหรือเส้นประสาทที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการกระตุกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น
- โรคกล้ามเนื้อหดเกร็งในเปลือกตาทั้งสองข้าง (blepharospasm) ผู้ป่วยมีลักษณะเหมือนต้องกระพริบตา หรือบีบตาทั้งสองข้างตลอดเวลา อาจมีอาการรุนแรงจนถึงลืมตาไม่ขึ้น การหดของกล้ามเนื้อจะเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้าง
- โรคหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) อาการหนังตากระตุกของโรคหน้ากระตุกครึ่งซีก จะเกิดขึ้นร่วมกับการกระตุกที่มุมปากหรือกล้ามเนื้ออื่น ๆ บริเวณใบหน้าเพียงข้างเดียว ในผู้ป่วยบางราย ภาวะนี้อาจเกิดจากหลอดเลือดในสมองที่โป่งพองและกดเบียดเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุกที่ไม่สามารถควบคุมได้
การรักษาหนังตากระตุกที่เกิดจากปัญหาของระบบประสาท
อาการหนังตากระตุกจากโรคเหล่านี้สามารถมีอาการตั้งแต่น้อยๆ เพียงแค่ก่อให้เกิดความรำคาญ จนถึงอาการรุนแรงที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและการเข้าสังคมมากๆ ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงและไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยารักษาเพื่อช่วยลดการกระตุกของกล้ามเนื้อ ซึ่งยาที่ใช้บ่อยคือยานอนหลับหรือยาที่ช่วยกดการทำงานของเส้นประสาท
ในกรณีที่อาการส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากขึ้น วิธีการรักษาที่นิยมวิธีหนึ่งคือ การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน หรือโบทอกซ์ (Botox) ที่บริเวณรอบดวงตา เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่เกร็งเกินไปได้ การฉีดโบท็อกซ์มีผลอยู่ประมาณ 3-6 เดือน และอาจต้องทำการฉีดซ้ำเมื่อผลหมดลง การฉีดโบทอกซ์มีผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น การเกิดหนังตาตกหลังการฉีด ซึ่งสามารถหายไปได้เองเมื่อยาหมดฤทธิ์
กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าหากมีอาการหนังตากระตุกที่ไม่หายไปเอง หนังตากระตุกรุนแรงรบกวนการใช้ชิวิตประจำวัน หรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หนังตาตก แนะนำให้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการหนังตากระตุกเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ถ้่าชอบบทควาท สามารถแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น โดยการกดปุ่ม share กันได้นะครับ :)