รู้ทัน "ต้อกระจก" ปัญหาสายตาที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และวิธีรักษา
อัพเดทล่าสุด: 9 มี.ค. 2025
10 ผู้เข้าชม
บทนำ
ต้อกระจกเป็นหนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยมาก ในคนไข้ที่มาหาหมอตาที่โรงพยาบาล สาเหตุก็เพราะเมื่อคนเราทุกคนอายุมากขึ้น จะต้องมีต้อกระจกเกิดขึ้นในตาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ในบทความนี้เราจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้อกระจกและวิธีการรักษาที่ดีที่สุด รวมถึงคำถามที่พบบ่อยที่หลายคนสงสัยกันครับ
ต้อกระจกคืออะไร?
ต้อกระจกคือภาวะที่เลนส์ตามีความขุ่น โดยปกติแล้วเลนส์ตาของเราจะมีลักษณะเป็นเลนส์นูนใสๆ อยู่ภายในลูกตา เหมือนกับลูกแก้วใสๆ กลมๆ เลนส์ตาจำเป็นจะต้องมีความใสเพื่ออนุญาตให้แสงจากภายนอกผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาเพื่อเกิดเป็นภาพให้เรามองเห็น เมื่อเลนส์มีความขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลง ส่งผลให้การมองเห็นไม่คมชัดและภาพมืดลงนั่นเอง
โดยส่วนใหญ่แล้ว ต้อกระจกจะเกิดขึ้นในทั้งสองตาพร้อมๆ กัน ในความรุนแรงที่ใกล้เคียงกัน แต่ในบางครั้งก็สามารถมีความรุนแรงแตกต่างกันในตาทั้งสองข้างได้
โดยส่วนใหญ่แล้ว ต้อกระจกจะเกิดขึ้นในทั้งสองตาพร้อมๆ กัน ในความรุนแรงที่ใกล้เคียงกัน แต่ในบางครั้งก็สามารถมีความรุนแรงแตกต่างกันในตาทั้งสองข้างได้
อาการของต้อกระจก
· การมองเห็นมัวลง มืดลง
· การมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากปกติ
· มองเห็นแสงไฟแตกในเวลากลางคืน เช่น ไฟรถที่ขับสวนมาในตอนกลางคืน
· มองเห็นภาพซ้อนหรือเงาที่ขอบของวัตถุ
· ตาสู้แสงไม่ได้
· การมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากปกติ
· มองเห็นแสงไฟแตกในเวลากลางคืน เช่น ไฟรถที่ขับสวนมาในตอนกลางคืน
· มองเห็นภาพซ้อนหรือเงาที่ขอบของวัตถุ
· ตาสู้แสงไม่ได้
สาเหตุของต้อกระจก
· อายุที่มากขึ้น (สาเหตุหลัก)
· โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ที่คุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
· อุบัติเหตุต่อดวงตา
· การใช้ยาสเตียรอยด์ระยะยาว
· การสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสี UV
· โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ที่คุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
· อุบัติเหตุต่อดวงตา
· การใช้ยาสเตียรอยด์ระยะยาว
· การสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสี UV
วิธีการรักษาต้อกระจก
1. การใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์
สำหรับต้อกระจกที่ยังเป็นไม่มาก การใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์สามารถช่วยแก้ไขค่าสายตาได้บางส่วน
2. การผ่าตัดต้อกระจก
โดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณารักษาต้อกระจกด้วยการผ่าตัด เมื่อการมองเห็นแย่ลง ใส่แว่นแล้วยังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ลำบาก เช่น การขับรถ, การอ่านหนังสือ หรือการทำงาน โดยจะทำการนำเลนส์ที่ขุ่นออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยเลนส์แก้วตาเทียมจะอยู่ในตาได้ตลอดชีวิต และจะไม่มีวันหมดอายุ เมื่อผ่าตัดแล้วต้อกระจกจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
การผ่าตัดเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดสามารถฟื้นตัวรวดเร็ว แผลขนาดเล็ก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน ในบางคนไม่ต้องใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป
ภายหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปแพทย์จะมียาหยอดตาให้หยอดลดการอักสบหลัง ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาและอย่าขยี้ตา ในช่วงประมาณเดือนแรกครับ
การผ่าตัดเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดสามารถฟื้นตัวรวดเร็ว แผลขนาดเล็ก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน ในบางคนไม่ต้องใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป
ภายหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปแพทย์จะมียาหยอดตาให้หยอดลดการอักสบหลัง ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาและอย่าขยี้ตา ในช่วงประมาณเดือนแรกครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับต้อกระจก
1. ไม่อยากผ่าตัด หยอดยาแทนได้ไหม?
ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่ายาหยอดตาหรือยาในรูปแบบรับประทานสามารถรักษาต้อกระจกได้ ดังนั้นควรระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าสามารถรักษาต้อกระจกได้กันด้วยครับ
2. ต้อกระจกปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะเป็นอะไรไหม?
หากปล่อยต้อกระจกไว้นาน อาการอาจจะรุนแรงขึ้นจนทำให้ตามัวมากจนมองไม่เห็น นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่น ภาวะต้อหินเฉียบพลัน ที่สามารถทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้ โดยผู้ที่มีภาวะต้อหินเฉียบพลัน จะมีอาการปวดตารุนแรง ตาแดง เป็นขึ้นมาทันที
3. การรักษาต้อกระจกใช้เวลานานแค่ไหน?
หลังการผ่าตัด หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน
4. เราสามารถป้องกันต้อกระจกได้ไหม?
แม้ว่าต้อกระจกจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น แต่เมีหลายวิธีที่เราสามารถชะลอการเพิ่มขึ้นของต้อ เช่น การสวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันรังสี UV จากแสงแดด และ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตา เช่น อาหารที่มีวิตามิน A, C, E และแร่ธาตุต่างๆ ให้ครบถ้วนครับ
หากบทความมีประโยชน์ สามารถกด share บทความไปยังช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ครับ