ภูมิแพ้ขึ้นตา คันตา อาการ สาเหตุ และการรักษา
บทนำ
คนที่มีภาวะนี้จะมีอาการคันตา ไม่สบายตา ซึ่งสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้มาก ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ สาเหตุ และวิธีการรักษา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถจัดการและทำการดูแลรักษาเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
อาการของภูมิแพ้ขึ้นตา
- คันตา เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด
- ตาแดง เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตา ทำให้มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นและเยื่อบุตามีสีแดงขึ้น
- น้ำตาไหล
- ขี้ตาใสๆ เหนียวๆ
- อาการบวมรอบๆ ดวงตาและเปลือกตา
- อาการอื่นๆ เช่น การคัดจมูก จาม หรือการคันตามผิวหนัง
อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้าง
ภูมิแพ้ขึ้นตาเกิดจากอะไร
เมื่อดวงตามีการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นการตอบสนองของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะทำการปล่อยสาร"ฮีสตามีน"ออกมา ส่งผลให้เกิดการอักเสบในเยื่อบุตา สารก่อภูมิแพ้สามารถเป็นได้หลายชนิด โดยแต่ละบุคคลอาจมีสารก่อภูมิแพ้ที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่
1. ฝุ่นละอองในอากาศ
2. ไรฝุ่นในที่นอน
3. เกสรดอกไม้
4. เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใกล้เคียงกับดวงตา เช่น มาสคาร่า หรืออายไลเนอร์
ภูมิแพ้ขึ้นตา ทำอย่างไรดี
1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้: โดยพยายามสังเกตและระบุสิ่งที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ถ้าแพ้ฝุ่นละอองหรือเกสรดอกไม้ คุณอาจต้องหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงที่มีเกสรหรือในสถานที่ที่มีฝุ่นมาก
2. ปรับสภาพแวดล้อม: ทำความสะอาดบ้านเพื่อลดฝุ่นละออง ใช้เครื่องฟอกอากาศ และหมั่นซักที่นอนเพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้
3. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: การขยี้ตาอาจทำให้การอักเสบแย่ลงและอาจนำไปสู่การติดเชื้อจากมือที่ไม่สะอาดได้
4. การประคบเย็น: การใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งหรือเจลเย็นมาประคบบริเวณเปลือกตา สามารถช่วยลดอาการบวมและบรรเทาอาการคันได้
5. การใส่แว่นกันแดด เพื่อลดการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
6. การหยอดน้ำตาเทียม สามารถช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่บนพื้นผิวของดวงตา และทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น
7. การใช้ยาหยอดตา ได้แก่
ยาหยอดตาแก้แพ้: คือ ยาในกลุ่มยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) เพื่อบรรเทาอาการคัน
ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์: ในกรณีที่อาการแพ้รุนแรง อาจจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ อย่างไรก็ตามการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ต้อกระจกหรือต้อหิน ซึ่งสามารถทำให้เกิดตาบอดถาวรได้
8.การปรึกษาแพทย์
หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง แนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินอาการและพิจารณาการใช้ยาหรือการรักษาอื่นๆ ต่อไปครับ
หากผู้อ่านเห็นว่าบทความมีประโยชน์ และอยากแบ่งปันกับคนอื่นๆ สามารถกดปุ่ม share ไปยังช่องทาง social media ต่างๆ ได้ครับ